My People
March 12, 2014Alaska: Mt.Mckinley Landing; DENALI National Park & Preserve.
May 5, 2014
หม่าม้า
ในความทรงจำของผม
ภาพหม่าม้าเด่นชัดมาก ในวัยเด็กบ้านของเราเป็นบ้านไม้ เก่าๆ มืดๆ หลังเล็กๆ
ผมเห็นภาพของหญิงกลางคนที่ดำเนินชีวิตอย่างลําบากใช้เงินอย่างกระเหม็ดกระแหม่
ผมเห็นภาพหม่าม้าเดินมาอย่างเหนื่อยล้าจากตลาดสะพานเหลือง กลับมาที่บ้านของเรา ในซอยน้อมจิตต์ ถ.นเรศ
บางครั้งก็ลงจากรถเมล์หน้าถนน หิ้วตะกร้าใส่อาหารพะรุงพะรัง เดินเข้าบ้านที่อยู่ลึกจนสุดซอยเพื่อเตรียมอาหารเลี้ยงดูอาม่าวัยชรา ดูแลป๋า ดูแลลูกๆ 8 คน ดูแลลูกของป้าอีก 2 คน ลูกบุญธรรมอีก 1คน
ผมเห็นภาพหม่าม้าดูแลปรนนิบัติอาม่าที่ชรามากอย่างอดทนด้วยความรัก ความกตัญญู จนถึงวันสุดท้ายของอาม่า
ผมเห็นภาพหญิงวัยกลางคนที่ไม่เคยได้มีชีวิตที่สุขสบาย ผมเห็นความนอบน้อมถ่อมตนกับผู้คนรอบข้างเพื่อที่จะเลี้ยงดูครอบครัวต่อไปได้จากเงินที่มีจํากัด
ผมเห็นหม่าม้าเหนื่อยกับการวิ่งเต้นหาเลี้ยงครอบครัวใหญ่เพื่อให้มีโอกาสให้ลูกๆ ได้มีโอกาสเรียนหนังสือ
ผมเห็นภาพตั้งแต่ในวัยเด็กของผมที่ทําให้หม่าม้ามีทั้งรอยยิ้มและน้ำตา ภาพในวัยเกเรที่ทำให้หม่าม้าทั้งเสียใจ และกลุ้มใจ
ภาพในวัยผู้ใหญ่ที่พาหม่าม้าไปหาหมอ ไม่ว่าหม่าม้าอยากไปเอง หรือโดนบังคับให้ไป
ผมเป็นลูกคนสุดท้องเป็นคนที่แปด เป็นคริสเตียนคนแรกในหมู่พี่น้อง เมื่อผมมีโอกาสได้ต้อนรับพระเยซูคริสต์เข้ามาในชีวิต เมื่อเจ็ดปีที่ผ่านมา ผมก็เหมือนครอบครัวคนจีนทั่วไป เมื่อผมบอกเรื่องนี้กับหม่าม้า แรกๆหม่าม้าดูเหมือนจะทําใจยาก
เมื่อหม่าม้าจากไปไม่มีใครที่จะดูแลหม่าม้าได้อีก มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถจะดูแลหม่าม้าได้
หม่าม้าถามว่าเมื่อหม่าม้าตายไป ใครจะเตรียมอาหารไปไหว้ผมบอกว่า ผมไม่รู ้ผมรู้แต่ว่าเมื่อหม่าม้าจากไป ผมจะไม่สามารถดูแลปรนนิบัติหม่าม้าเหมือนในเวลานี้ได้อีก มีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถจะดูแลหม่าม้าได้
จากนั้นไม่นานนักผมเห็นภาพตัวเองนั่งอธิษฐานกับหม่าม้าหลายๆ ครั้ง ต้องตะโกนเพราะหูของหม่าม้าไม่ค่อยได้ยิน
ผมเห็นภาพผู้หญิงวัยกลางคนที่ไม่เคยได้มีชีวิตสุขสบาย ผมยังเห็นภาพหม่าม้าเรียนพระคัมภีร์ ร้องเพลงนมัสการถึงแม้จะร้องไม่ค่อยได้นัก ผมเห็นภาพหม่าม้านั่งรถเข็นไปนมัสการที่โบสถ์ถึงแม้หูจะไม่ค่อยได้ยินก็ตาม
ด้วยพระคุณของพระเจ้าในที่สุด ผมได้เห็นภาพที่ผมปราถนาจะได้เห็นมาชั่วชีวิต ภาพที่ผมอธิษฐานทุกๆเช้า คือ ภาพที่หม่าม้าได้ต้อนรับองค์พระเยซูคริสต์ เป็นผู้ช่วยให้รอดไว้ในชีวิตของหม่าม้าเป็นการรับแบ๊พติสที่ข้างเตียงในห้อง CCU เมื่ิอ 22 กุมภาพันธุ์ 2008 (เป็นวันที 15 ที่ป่วยอยู่ในโรงพยาบาล)
ในเวลาที่หม่าม้าพยักหน้าและยิ้มรับนั้น เป็นช่วงเวลาที่หม่าม้ามีสติดี ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้หม่าม้าไม่ค่อยจะรู้ตัวนัก อาจารย์พิเชษฐ์บอกว่าหม่าม้าเป็นกรณีแรกของคริสตจักรสาธรที่มีการให้ศิลบัพติศมาในห้อง CCU
ผมมีโอกาสดีที่ได้เห็นภาพนี้ด้วยตัวผมเอง ภาพที่ทําให้ผมต้องร้องไห้ออกมา เป็นครั้งแรกในรอบสิบกว่าปีที่ผ่านมา และยังร้องให้ทุกครั้งเมื่อนึกถึงภาพนี้เป็นน้ำตาแห่งความปิติเพราะผมรู้และมั่นใจว่าบัดนี้ถึงแม้นว่าหม่าม้าจะจากไปแล้ว แต่บัดนี้หม่าม่าได้เป็นอิสระจากพันธนาการทั้งหลาย ความเจ็บป่วย ความทุกข์ทรมานทั้งหลาย ไม่สามารถจะทําร้ายหม่าม้าได้อีกต่อไป
และในเวลานี้หม่าม้าไม่ต้องนั่งรถเข็นอีกต่อไปแล้ว แต่กําลังเดินเล่นอย่างมีความสุขกับองค์พระเยซูคริสต์ที่รักหม่าม้า และได้ช่วยไถ่หม่าม้ไว้แล้วตลอดไป แล้วเราจะได้เจอกันอีก
ผมเห็นภาพหม่าม้าอธิษฐานส่วนตัวกับพระเจ้า พร้อมกับออกเสียง เอเมน
หม่าม้าจะอยู่ในความทรงจําของผมตลอดไป
พิศิษฐ์